รัฐบาลทหาร สั่งสรรพสามิตชงภาษีรถยนต์ไฟฟ้า0% บี้ผู้ประกอบการลงทุนรถไฟฟ้าทันทีรับสิทธิ์ยาว3ปี เบนซ์-บีเอ็มฯพร้อมลุย

ใครเห็นด้วยกับที่รัฐบาลทหารสั่งให้ผลิตรถไฟฟ้า ภาษีเหลือ 0% รบกวนช่วยโหวตกะทู้ให้เป็นกะทู้แนะนำทีครับ ขอบคุณครับ

สรรพสามิตชงภาษีรถอีวี0% บี้ลงทุนทันทีรับสิทธิ์ยาว3ปี

คลังรับหนุนบิ๊กตู่ปั้นไทย “ฮับอีวี” เตรียมคลอดแพ็กเกจ “อีวี 2” หั่นภาษีสรรพสามิต 0% เพื่อกระตุ้นผู้ประกอบการได้ให้ไฟเขียวBOI เร่งผลิตขายภายใน 2 ปี พร้อม “ไมลด์ ไฮบริด” ชงขอ ครม.เคาะอัตราภาษี 4% ค่ายรถยนต์ “เบนซ์-บีเอ็มฯ” พร้อมลุย!!!
กระแสการผลักดันแพ็กเกจกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย ไฮบริด (hybrid electric vehicle : HEV), ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (plug-in hybrid electric vehicle : PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้า (battery electric vehicle : BEV) แม้จะสิ้นสุดการยื่นรับเรื่องจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อปลายปี 2561 แต่รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ มีการแตกแพ็กเกจอื่น ๆ เพิ่มเติมทั้งอีโค ไฮบริด, ไมลด์ ไฮบริด หรืออีโค อีวี ซึ่งถือเป็นแพ็กเกจเร่งด่วนในรูปแบบออนท็อปเสริมเข้าไปในแพ็กเกจภาษีเดิม ตั้งใจให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน

-หั่นภาษีรถอีวีเหลือ 0%

แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า ช่วงที่ประเทศไทยเผชิญปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูหากลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) จากเดิม 2% ให้เหลือ 0% ทำได้หรือไม่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเร็วขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมามีเอกชนจำนวนมากสนใจขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า มาตรการลดภาษีรถยนต์อีวี ที่กระทรวงการคลังจะเสนอ ครม.พิจารณาเห็นชอบ เพื่อออกประกาศกฎกระทรวงใน 1-2 สัปดาห์นี้เป็นมาตรการต่อยอดแพ็กเกจสนับสนุนที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ เพื่อกระตุ้นผู้ประกอบการเร่งผลิตรถยนต์อีวีทันที หากทำได้ใน 2 ปี หรือภายในปี 2564 จะได้ปรับลดภาษีสรรพสามิตให้เป็น 0%

-ยกเว้นสรรพสามิต 3 ปี

“มาตรการภาษีสรรพสามิตยกเว้น 3 ปีหรือคิดที่ 0% เป็นมาตรการชั่วคราวที่ให้เพิ่มจากบีโอไอให้ 2% เราคาดการณ์ว่าตอนนี้แต่ละค่ายยื่นบีโอไอกันหมดแล้ว ปลายปี 2562 ถึงช่วงต้นปี 2563 บอร์ดบีโอไอน่าจะมีการทยอยอนุมัติ จากนั้นถ้าผู้ประกอบการเริ่มผลิตภายใน 2 ปี ก็สามารถรับสิทธิ์ยกเว้นภาษีได้เลย”
แหล่งข่าวยอมรับว่า คงต้องมีการกำหนดปริมาณการผลิตด้วย ไม่ใช่ผลิตเพียงไม่กี่คันเพื่อหวังได้ภาษีที่ลดลงเท่านั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ย้ำว่า แนวทางกระทรวงการคลังลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เหลือ 0% จะเป็นมาตรการชั่วคราวแค่กระตุ้นให้ภาคเอกชนเร่งลงมือผลิต คาดว่าเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เร็ว ๆ นี้

-พ่วงภาษีไมลด์ ไฮบริด 4%

แหล่งข่าวกล่าวว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาควรเสนอ ครม.อนุมัติหลักการในส่วนภาษี “ไมลด์ ไฮบริด” ในคราวเดียวกันด้วย ซึ่งมีการประชุมผู้เกี่ยวข้องวันที่ 25 ก.พ.นี้ พิจารณาการกำหนดอัตราภาษี 4% ตามที่ผู้ประกอบการร้องขอเข้ามาว่าเป็นไปได้หรือไม่ โดยต้องดูไม่ให้กระทบกับการส่งเสริมรถยนต์ประเภทอื่นที่มีการส่งเสริมอยู่แล้ว ทั้งอีโคคาร์และแพ็กเกจรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 ประเภท
ส่วนมาตรการภาษีผลิตรถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ในประเทศไทย จากปัจจุบันยังเป็นยูโร 4 เน้นให้มีการลดราคารถยนต์แก่ผู้บริโภค โดยการผลิตรถลดฝุ่นได้ตามมาตรฐานก็จะได้ลดภาษี
“รัฐบาลต้องการให้ราคารถถูกลง เพื่อจะได้จูงใจผู้บริโภคทำให้อยากซื้อ ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตเร่งผลิตรถที่กรองฝุ่นออกมาได้ด้วย” แหล่งข่าวกล่าว

-ค่ายรถยังตั้งตัวไม่ติด
มีการสอบถามไปยังค่ายรถยนต์หลายยี่ห้อ ผู้บริหารส่วนใหญ่แจ้งว่า ยังไม่ทราบเรื่อง บางรายมองเป็นเรื่องดี กระตุ้นให้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราเร็วขึ้น แต่บางรายห่วงเรื่องโครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม แม้ว่าระยะหลังทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันติดตั้งสถานีชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ไม่น่าเพียงพอ ส่วนเมื่อผลิตแล้วตลาดมีความต้องการมากน้อยเพียงใด คุ้มค่ากับการลงทุนขึ้นไลน์ผลิต และวอลุ่มการใช้ชิ้นส่วนด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการบางยี่ห้อมองว่ารัฐบาลปัจจุบันเร่งทำทุกอย่างน่าจะมีผลกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวเสริมว่า เมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ ทางผู้บริหารโตโยต้ามีนัดหมายเข้าพบรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าประเด็นเรื่องผลักดันแพ็กเกจเสริมน่าจะได้มีการหารือกันเพิ่มเติมด้วย
สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมแพ็กเกจรถยนต์ไฟฟ้ากับทางบีโอไอ ขณะนี้มีค่ายยุโรป 2 ยี่ห้อ คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยูเท่านั้นที่ได้รับอนุมัติในหมวดรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนค่ายอื่น ๆ แม้ว่ายื่นขอรับส่งเสริมเกือบทุกค่าย
แต่เป็นแค่แพ็กเกจกลุ่มรถยนต์ไฮบริดเท่านั้น เมื่อดูจากความพร้อม เมอร์เซเดส-เบนซ์น่าจะมีความพร้อมมากที่สุด ตั้งแต่การนำรถยนต์ที่เป็นเพียวอีวี ในชื่อรุ่น “อีคิวซี” เข้ามาทำตลาดในไทย การใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 100 ล้านยูโร สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่ในโรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ สมุทรปราการ พร้อมทั้งประกาศว่าภายในปี 2565 จะผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างน้อย 1 รุ่น
ผู้บริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยระบุชัดเจนว่า รถยนต์กลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่จำหน่ายในปัจจุบัน มีคุณสมบัติเทียบเท่ารถยนต์ไฟฟ้าเพียงแต่ต้องมีเครื่องยนต์ไว้เพราะโครงสร้างพื้นฐานไทยยังไม่พร้อม จึงจำเป็นต้องมีเครื่องยนต์ไว้ช่วยเหลือกรณีไฟฟ้าจากแบตเตอรี่หมด

-บิ๊กตู่ดันไทยฮับอีวี

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ส่วนหนึ่งของมาตรการระยะยาว ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ ที่กำลังเป็นทิศทางการพัฒนาของโลก ก็คือการพัฒนาไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันสิ่งที่แพงที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้า คือ แบตเตอรี่ ซึ่งต้องเร่งพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น โดยต่างประเทศก็มีปัญหาในเรื่องของอายุการใช้งานเช่นกัน
“จะเห็นได้ว่ามีแบตราคาถูก ราคาแพงถ้าราคาถูกคุณภาพก็ด้อยกว่า ราคาแพงบางทีก็แพงเกินไป เพราะฉะนั้น ประเทศไทยกำลังพัฒนาเรื่องนี้ในพื้นที่ EEC เรื่องแบตเตอรี่และรถไฟฟ้า เป็นหนึ่งในโครงการ fast track ของเราด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
โดยในรายการได้นำเสนอ roadmap ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่การเป็นฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า หรือเป็น “EV Hub” ของภูมิภาค และของโลก รวมถึงมีการผลักดันโครงการวิจัยและพัฒนาที่ร่วมกันระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการดัดแปลงรถยนต์ใช้แล้วให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ในราคาไม่เกิน 2 แสนบาท (ไม่รวมราคาแบตเตอรี่) หรือถูกลงเรื่อย ๆ ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถซื้อรถใหม่เป็น EV ที่ยังแพงอยู่
ทั้งนี้ ในปี 2563 กฟผ.ตั้งเป้าพัฒนาศูนย์บริการดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้าและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเอกชน เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาสร้างรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกให้คนไทยได้ใช้งานในอนาคต

ขณะเดียวกันในรายการดังกล่าว ยังได้รายงานถึงการดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมรถยนต์ EV ของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา โดยที่ผ่านมาได้มีมาตรการส่งเสริมรถยนต์ EV รอบที่ 1 ไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำนวน 7 ราย ที่ผลิตรถยนต์ HEV และ PHEV ที่มีกำลังการผลิตรวมกว่า 269,700 คันต่อปี เงินลงทุนรวม 29,459 ล้านบาท โดยได้เริ่มผลิตรถยนต์ดังกล่าวแล้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังจะออกมาตรการส่งเสริม EV รอบที่ 2 ทั้งนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และ BOI ร่วมกันปรับปรุงมาตรการภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการสร้างและพัฒนาฐานการผลิตยานยนต์ไปสู่ฐานการผลิตชิ้นส่วนที่เป็นเทคโนโลยีหลัก (core technology) ของรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดฐานการผลิตรถยนต์ BEV และ EV ประเภทต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยมาตรการส่งเสริม EV รอบที่ 2 นี้ จะแล้วเสร็จและมีผลภายในรัฐบาลนี้
อ่านต่อได้ที่:
https://www.prachachat.net/motoring/news-292984

แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
อ่านหลายคอนเมนต์พอสรุปได้ว่า...รัฐแก้ไม่ถูกจุด

ต้องแจกฟรีเท่านั้น คนไทยถึงจะพอใจ ถ้างั้น...เพื่อความชัวร์
ฟรีค่าชาร์ตไฟ รถต้องอ๊อฟชั่นเทพ แอร์แบ็ค 20 ลูก ฯลฯ
ความคิดเห็นที่ 10
เหมือนจะดี แต่แค่ละครลิง ตลก

ภาษีมันไม่ได้เยอะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
และ3 ปี  ...ระยะสั้นออกหน้าออกตาเกินไป  อาจจะเกิดการซื้อช่วงสั้นๆ(สั้นมาก) แต่การลงทุน การผลิต หรือการตลาดระยะยาวจะไม่มีทางเกิดขึ้น ...ก็มันแค่ 3 ปี

แถมไม่มีมาตการควบคุมราคา ...ลดภาษี มันก็ขายล้านกว่าอยู่ดี เอากำไรเยอะขึ้น ..การแข่งขันจริงจะเพิ่มขึ้นซักเท่าไหร่? คนทั่วไปใช้รถราคาแค่ 3-8 แสนเท่านั้น

...ถ้าจะทำจริงต้อง ส่งเสริมทั้งระบบว่า ทำยังไงให่รถไฟฟ้าราคามันเท่ารถปกติ มันถึงจะแข่งกันได้

ห่วงผู้ค้ารายไหนอยู่หรอ? บ.รถยนต์หรือน้ำมัน? เงินยังไม่พอใช้หรอ?
ความคิดเห็นที่ 8
นับเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่
เพราะรถไฟฟ้านี่ พวกผลิตพาร์ทรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบเดิม มีล้มหายตายจากแน่
แต่ถ้าต้องการมุ่งไปสู่อนาคต ก็ต้องยอมเจ็บตัว
เวียดนามเองตอนนี้ก็พยายามจะผลิตรถยนต์ในประเทศเป็นของตัวเอง (ไม่นับว่าจะสำเร็จหรือเปล่า)
เราก็จำเป็นต้องหนีไปอีกระดับ รักษาความเป็นฮับผลิตรถยนต์ในย่านนี้ไว้ ไม่ให้ตกยุค
ความคิดเห็นที่ 58
ลดมากน้อย ค่อยเป็นค่อยไป ดีกว่ายังไม่ได้ริเริ่ม  ต่างประเทศเริ่มแรกก็เป็น เพียงแต่สภาพปัจจัยละประเทศต่างกัน

การสนับสนุนจำนวนผู้ประกอบการมากขึ้น ก็จะเกิดการแข่งขันด้านราคา ประโยชน์ตกที่ผู้บริโภคได้ของถูกลง ปัญหามลพิษก็ดีขึ้น
ความคิดเห็นที่ 33
แค่ปาหี่เพราะเรื่อง ฝุ่น pm2.5 ก็ออกมาเพราะใกล้เลือกตั้ง

ตอบสองข้อนี้ก่อน
1 เอาไฟฟ้ามาจากไหน
2 การกำจัด ขยะแบต ทำที่ไหนอย่างไร

ผลิตไฟฟ้ามีมลพิษ แค่ย้ายมลพิษจากเมือง ไปสู่ชนบท ไม่มีพลังงานสะอาดแท้จริงในโลกนี้ แม้แต่พลังงานลมก็สร้างใลพิษทางเสียงอย่างรุนแรงและเปลี่ยนแปลงบรรยากาศรอบข้าง

ทุกวันนี้คนเมืองคิดแต่ความสบาย สุขภาพ เพื่อตัวเอง แต่มักผลักภาระให้คนชนบท  
รถไฟฟ้าเพียงแค่แก้ปัญหาคนเมือง แต่ย้ายแหล่ง Pollution ไปสู่ชนบทแปรรูปแล้วส่งเป็นพลังงานสะอาดเข้าเมือง
คนเมืองแกล้งมองไม่เห็นเบื้องหลัง มองเข้าข้างตนเอง

เราจะเอาไฟมาจากไหนหากต้องป้อนรถหลายสิบล้านคัน จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำจากไหนหรือซื้อจากลาวพอหรือ จากถ่านหินมลภาวะเพียบสร้างภาระให้คนชนบทที่กระบี่คนยังขับไล่ กทม เอาไปไหม จากนิวเคลียร์ยอมกันไหมหากยอมเอาไปตั้งกลางกรุงได้ไหม ไม่ได้ ทำไมกลัวตายกลัวระเบิด คนบ้านนอกไม่กลัวตายกลัวระเบิดกลัวรังสีหรือ
แบตกำจัดที่ไหน นอกเมืองแน่นอน เพราะสะดวก แต่ความสะดวกของใคร มลพิษตกที่ใคร
ต้องถามสิ่งเหล่านี้และตอบให้ได้ก่อน

หากตอบคำถามข้างบนได้ ไม่ตอบแบบว่าก็เอาไปกำจัดนอกเมือง เพราะสมัยนี้สะอาดปลอดภัยแล้ว ที่ผ่านมาเมืองไทยทำได้ไหม โรงขยะอยู่ไหนคนแถวนั้นเหมือนตกนรก

หากตอบได้ ผมสนับสนุนเต็มที่

https://www.theguardian.com/environment/2017/aug/13/electric-cars-are-not-the-solution-pollutionwatch
ฝุ่นไม่ได้มาจากท่อไอเสียเป็นหลัก แต่รถไฟฟ้าสร้างฝุ่นได้เท่าหรือมากกว่ารถน้ำมัน
https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S135223101630187X

สิ่งที่ควรทำคือลดจำนวนและปริมาณชั่วโมงการใช้งานรถยนต์ลงหันมาสร้างขนส่งมวลชนที่สะดวกสบาย
ข้อสำคัญ ฝุ่นจริงๆมันมาจากไหนแน่ ภาคเหนือนี่มาจากการเผาไร่ของทั้งในและประเทศเพื่อนบ้าน ทำไมต้องทำไร่ที่ต้องเผา พืชอะไร ใครรับซื้อ มันมีคำตอบมันอยู่ ไปดูดอยที่น่านหัวล้านหมด ตั้งแต่พวกนี้มาภาคเหนือฝุ่นควันเพียบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่